Learning Log 13 นอกห้องเรียน
จากการอบรมเชิงปฏิบัติการ
“เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบรูณาการทักษะ”ในวันที่ 29
เวลา 13.00-16.00 น. ในหัวข้อความรู้เชิงบรูณาการของครูสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่
21 กับการเป็นสมาชิกอาเซียน โดย ผศ.ดร ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ได้กล่าวว่าปัจจุบันในด้านการพูดภาษาอังกฤษสังเกตได้เลยว่า
ไม่ว่าจะท่านวิทยากรครูผู้สอน หรือคนอื่นๆ
ไม่พ้นต้องมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
เพลงไทยเองถ้าอยากให้ดูโมเดิร์นต้องเพิ่มศัพท์ภาษาอังกฤษไปเพลงด้วย
อย่างเช่นเพลงของพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย “Too
much so much ……..Loving you to much
so much very much right how ไม่รู้ว่าเจอเธอทำไมถึงยาก chill
chill ได้ไหม
รู้ไหมดวงใจฉันปลิว รักเธอมากเกินไป มาก มาก มาก มากมาย but don’t you so ซักกะตาย I hot to lie ไม่อยากจะน้ำตาออก my
eyes” แต่สิ่งที่สังเกตเห็นจากการที่ทั่งวิทยากร นักพูด เพลง
คนดังหรือคนทั่วไปเอามาใช้กันนั้น มีหลายคำที่สร้างปัญหาทำเอาฝรั่งงง
และใช้กันมาอย่างต่อเนืองโดยไม่มีวีแววจะเปลี่ยนแปลขนาดครูผู้สอนเองก็ยังนำไปใช้ในห้องเรียนจนติดกันไปตามๆกัน
เราไมพูดเรื่องออกเสียผิดก่อนแต่เราจะพูดเรื่องใช้คำผิด ตัวอย่างเช่น
1.คำที่แปลงสบายๆปัจจุบันมักใช้คำว่า
chill
(ชิล)กันบ่อยๆใครไม่พูดคำว่าชิลบอกได้เลยว่าคุณเอาต์มากแต่ปัญหาคือในบางครั้งไปใช้คำว่า
chill chill
จนบางครั้งวิทยากรก็สงสัยว่าเด็กไทยเข้าใจคำนี้ว่าอย่างไร ที่จริงคำนี้มาจากคำว่าchill out ที่แปลว่าสบายๆ หรือ relax ส่วนคำว่า chill
chill ที่นิยมพูดกันนั้นไมได้แปลว่าสบายแต่อย่างใด
ดังนั้นจีงควรใช้ประโยคว่า Don’t worry, just chill chill!
และถ้าจะพูดกับฝรั่งก็ต้องพูดว่า chill out เช่น I
need a place to chill out and enjoy
food.
2. Out หรือ
เอาต์ มักเป็นคำพูดติดปากและเป็นแสลงที่ใช้ทุกวัน คำนี้ในบริบทของเมืองไทยหมายความว่า
ตกยุคหรือล้าสมัยไปแล้ว ที่จริงคำนี้มาจากคำเต็มๆว่า out of date แต่มันยาวเกินไป
เราเลยใช้แค่เอาต์เฉยๆ แต่ถ้าไปพูดกับฝรั่งว่า “เอาต์”
จะเป็นการไล่ให้เขาออกไป
เวลาพูดับฝรั่งคุณจะต้องพูดว่า You’re out of date. แปลว่าคุณนี่ไม่ทันสมัยเลย
หรือ คุณตกยุคมากๆ
และอย่าเผลอพูดกับฝรั่งว่า” You out “เขาจะนึกว่าไล่เขาให้ออกไป
3.คำที่แปลว่าพูดจาเกินจริงที่เห็นได้ชัดและได้ยินบ่อยๆว่า
“ เวอร์มาก” “เธอโอเวอร์” ถ้าเป็นภาษาอินเตอร์เน็ตคงต้องใช้คำว่า เธอเวอร์มว๊าก
และบางทีมีการนำไปใช้ในประโยคภาษาอังกฤษด้วยว่า She is over. ซึ่ที่จริงการพูดประโยคนี้ไม่มีความหมายใดๆเลยในภาษาอังกฤษ เราควรใช้คำว่า
over the top หรือ exaggerate ที่เป็นคำกริยาหมายถึง
การพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง เช่น
Susan : Have you listen to
Peter’s speech yesterday? I think his presentation was over the top
Bill : Yes, he is over the
top.
หรือถ้าจะบอกว่าอย่าพูดเกินจริงให้ใช้คำว่า Don’t
be over the top. หรือ Don’t exaggerate. ส่วนอาการแสดงเกินจริงนั้นเราจะใช้คำกริยา overact เช่น You’re overacting. แปลว่าเธอทำเกินจริง
4.
“เธอๆเดี่ยววันเสาร์ไปแจมด้วยนะ” คำที่แปลว่า
ขอร่วมด้วยหรือขอมีส่วนร่วม ปัจจุบันเด็กไทยนิยมใช้คำว่า แจม (jam) เช่น I want to jam your trip.
ซึ่งผิดบริบทในภาษาอังกฤษอย่างมาก เพราะในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam เพราะแปลว่า ติดขัด แออัด หรือถ้าเป็นคำนาม แปลว่า แยมทาขนมปัง
ดังนั้นจึงควรใช้คำว่า join แทน เช่น I want to join
your trip. เวลาขอเขาไปด้วย
5.คำว่าชุดแซกซึ่งเป็นคำที่คนไทยนิยมใช้กันทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร้านค้า
คนซื้อขาย ซึ่งจริงๆแล้ว ความหมายของแซก คือกระสอบ
ไม่ได้เป็นประเภทของชุดแต่อย่างใด ที่จริงการใช้คำว่า เดรส (dress) ที่แปลว่า ชุดที่เสื้อกับกระโปรง เพราะฉะนั้นเวลาจะไปซื้อชุด ต้องพูดว่า
“ I want to buy a few dresses at a flea market.
ต่อไปจะเป็นการพูดถึงความรู้เชิงบูรณาการระหว่างวิชาชีพครูกับวิชาภาษาอังกฤษ
จะต้องมีความเข้าใจในหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนในระดับประถมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอย่างบูรณราการ คือการพูด การเขียนและภาษากาย
มีความรูเรื่องการออกแบบและวาแผนการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้อย่างเหมาะสมกับวัยและระดับของผู้เรียน
ตลอกจนมีความรู้เรื่องการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้และออกแบบและสร้างสื่อภาษาอังกฤษได้
ซึ่งคุณลักษณะขอครูในศตวรรษที่ 21 จะต้องกล้าแสดงออกโดยเฉพาะการพูดและสามารถออกเสียงภาษาอังกฤษได้ถูกต้องตามมาตรฐานนอกจากนี้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย
ซึ่งปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลงมีดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น