วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Learning Log 10 นอกห้องเรียน

Learning Log 10 นอกห้องเรียน

                ในปัจจุบันแน่นอนว่าประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษย่อมรู้ดีว่าคนจะเรียนรู้ภาษาให้ซาบซึ้งจะต้องสามารถใช้ภาษาเข้าสู่สังคมและวัฒนธรรมสามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสังคมวัฒนธรรมตามสถานการณ์ได้ในทุกทักษะของภาษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ดีจะมีโอกาสในการจ้างงานสูง มากกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะทางภาษาเลยอันเนื่องจากภาษาอังกฤษมีการใช้กันทั่วโลกมากกว่าภาษาอื่นๆ การเรียนรู้ภาษาให้ได้ผลดีจะต้องให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบธรรมชาติ เน้นการมีส่วนร่วมทางภาษาให้มากที่สุด คือ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากการฟังและการพูดอย่างเป็นธรรมชาติจนเกิดทักษะ เริ่มจากการพูดในชีวิตประจำวันในครอบครัว แล้วค่อยขยายออกไปสู่โลกภายนอกมากขึ้น เพื่อเป็นฐานในการเรียนรู้ทักษะในระดับสูงขึ้น
                การสอนทักษะการพูดและทักษะการฟังเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และผู้สอนอันเป็นต้นแบบจะต้องพัฒนาความรู้ทางภาษาให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาให้มากที่สุด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่างๆที่อำนวยในการเรียนรู้ภาษา BBC, CNN เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกได้ และเราจะต้องหมั่นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถสื่อสารภาษาได้อย่างถูกต้องและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและสถานการณ์ต่างๆได้ และการที่เราจะสามารถสื่อสารภาษาได้นั้นจะต้องมีฐานความรู้ด้านไวยากรณ์ ด้านคำศัพท์และการสะกดคำได้ไม่มากก็น้อยเพื่อต่อยอดการศึกษาทักษะการใช้ภาษา
                การเรียนภาษานอกห้องเรียนในวันนี้จะเป็นการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ จาก VCD ชุด SAY IT RIGHT! ซึ่งการออกเสียงภาษาอังกฤษบางคนอาจคิดว่าไม่ใช่ปัญหา แต่จริงๆแล้วมันกลับเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับคุณโดยไม่รู้ตัว เพราะการออกเสียงภาษาแบบผิดๆนั้นจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจผิดแบบผิดๆไปด้วย และจะเป็นอย่างไรถ้าเราสั่งข้าวผัด (Fried rice) แต่เราออกเสียงผิดเป็น (Fried lice) ไม่ต้องสงสัยเลยเราก็จะได้ เหาผัด มากินแทน
คำว่า I got the tanks และ thanks TH นับเป็นอีกสียงหนึ่งที่ภาษาไทยไม่มี หลายคนใช้ ธ.ธงแทน TH เช่น Thank you จะกลายเป็น ธางค์ ยู แต่คงไม่เป็นไรแต่อย่าไปคิดว่า TH ตรงกับ ธ.ธงเพราะมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า ในภาษาอังกฤษมีไม่กี่คำที่สะกดด้วย TH และออกเสียงคล้าย ท.ทหาร ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่หรือคำเฉพาะ เช่นคำว่า Thailand ออกเสียงว่า ไทย-แลนด์ คำอื่นๆที่เป็นอย่างนี้ได้แก่ Thomas (ทอม-มัส) ซึ่งเป็นชื่อผู้ชายกับ Thames (เทม-ส) แม่น้ำที่ไหลลงกลางเมืองลอนดอน นอกจากกลุ่มคำนี้แล้ว คำที่เหลืออยู่ที่สะกดด้วย TH คำนั้นห้ามออกเสียง TH ว่า ท หรือ T
เมื่อจะออกเสียง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ แลบลิ้นออกมา กัดลิ้นนิดๆ และก็ปล่อยใน VCD คำที่พูดถึงคำแรกคือคำว่า ขอบคุณ ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า thank you ตัวอักษร 2 ตัวแรกเป็น T-H  ดังนั้นต้องเอาลิ้นออกมานิดๆ เหมือนกบคำว่า thanks ที่แปลว่า ขอบคุณเหมือนกัน สำคัญมากที่จะต้องออกเสียงให้ชัด เพราะมีอีกคำหนึ่งในภาษาอังกฤษนั่นคือคำว่า tank ที่แปลว่า ถังทั้งหลาย เช่น I got the tanks, thanks. คำว่า thanks ออกเสียง TH ซึ่งไม่เหมือนกัน
คำว่า Three กับ Trees หมายเลข 3 จะมีเสียงแรกคือ TH ต่อด้วย r และก็ ee… th-r-ee… three ภาษาอังกฤษมีหลายคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงควบกล้ำนี้ วิธีออกเสียงก็คือ แลบลิ้นออกมาเพื่ออกเสียง TH อย่างถูกต้อง เสร็จแล้วรีบห่อริมฝีปากให้เล็กลงเพื่อออกเสียง R ต้นไม้คือ tree ไม่ต้องแลบลิ้นออกมาเวลาอกอกเสียง ต้นไม้ 3 ต้น ภาษาอังกฤษแปลว่า Three trees เช่น I drank tea beside three trees by the sea.ผมดื่มน้ำชาข้างๆต้นไม้ 3 ต้นที่ชายหาด นอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆที่ออกเสียง THR ด้วย เช่น through ทะลุผ่าน, Thrust ผลัก, Throw ขว้าง, Thrash เฆี่ยน, Thread  ด้วย, Throne บัลลังก์, Thrive เจริญขึ้น เป็นต้น
ต่อไปจะเป็นการเรียนรู้ใบหน้าคำศัพท์ คือ ส่วนที่อยู่ด้านหน้าของคำศัพท์ เป็นต้น ช่วยบอกทิศทางของความหมาย บางตัวบอกแค่เป็นนัยๆว่าคำศัพท์นั้นน่าจะมีความหมายว่าอะไรแต่บางตัวก็บอกความหมายให้ชัดเจนเห็นกันอย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ต้องเดา หน้านี้มีไว้ส่าย un (อัน) แปลว่า ไม่ เมื่อเติม un ไปที่ส่วนหน้าของคำศัพท์ คำศัพท์เหล่านั้นก็จะถูกปรับเปลี่ยนความหมายไปในทางตรงกันข้ามคล้ายกับการปฏิเสธส่ายหน้าในทันที เช่น
Happy (แฮ็พพิ) มีความสุข พอใส่ un ไปข้างหน้าเป็น unhappy (อันแฮ็พพิ) ปุ๊บความสุขที่มีนั้นก็สูญหายกลายเป็นไม่มีความสุขหรือเศร้าหมอง equal (อี๊คว่อล) แปลว่า เท่าเทียมกันเติม un ไปข้างหน้าเป็นunequal (อันอี๊คว่อล) ความหมายก็เปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นไม่เท่าเทียมกัน clean (คลีน) มีความหมายว่าสะอาด เมื่อต้องการจจะบอกว่าไม่สะอาด ก็ให้ส่ายหน้าปฏิเสธคำศัพท์ด้วยการเติม un เข้าไปข้างหน้าเป็น unclean (อันคลีน) friendly (เฟรนลิ) ที่แปลว่า เพื่อนหรือมิตร หลังจากที่แปลรูปจาก friend มาเป็น friendly ซึ่งแปลว่า มีมิตรไมตรี แล้วเติมใบหน้า un ไปอีกทีจากมิตรภาพที่มีต่อกันอยู่ดีๆก็กลายเป็น unfriendly (อันเฟรนลิ) คือที่ไม่มีมิตรภาพต่อกันและกัน lucky (ลั้คคิ) มีความหมายว่า ที่โชคดี ที่มีโชค lock (ล็อค) เมื่อใช้เป็นคำกริยาแปลว่า ใส่กุญแจ แต่ unlock (อันล็อค) จะย้อนรอยหักล้างในทางปฏิเสธมีความหมายสวนทางเป็น ไขกุญแจที่ล็อคเอาไว้แล้วนั้นให้เปิดออกตัสนี้มีธรรมชาติคล้ายคลึงกับ do และ undo มากเพราะเป็นการแก้ไขหักล้างในสิงที่ได้ทำลงไปแล้วในขั้นตอนก่อนหน้า forgettable (ฟอเก็ทเทอเบิ่ล) แปลว่าที่สามารถลืมได้ ไม่ได้ประทับใจอะไรกับมันนัก มีที่มาจากคำศัพท์คำว่า forget ที่แปลว่า ลืม จาก forgettable ที่สามารถลืมได้ พอเติม un เข้าไป unforgettable (อันฟอเก็ทเทอเบิ่ล) ก็จะมีความหมายว่า ที่ประทับอยู่ในใจไม่อาจลืมได้หรือลืมไม่ลงนั่นเอง
ต่อไปจะเป็นการอ่านข่าวกีฬา ซึ่งเป็นข่าวอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องรู้คำศัพท์ของเขาโดยเฉพาะๆ กลุ่มคำที่ว่าด้วยการแข่งขัน มีดังนี้  คำแรก competition อ่านว่า คามเผอะทิเชิ่น คำนี้จะเกลื่อนกลาดอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน หมายถึง การแข่งขัน ถ้าจะบอกต่อว่าเป้นการแข่งขันอะไร ก็เอาคำๆนั้นไปเหยาะไว้ข้างหน้ามัน เช่น a crossword competition หรือ a fishing competition ก็คือ การแข่งขันตกปลา และการที่จะบอกว่าเข้าร่วมแข่งขันนั้น ภาษาอังกฤษใช้คำว่า to enter หรือ to take part in a competition เช่น I will take part in the running competition. ฉันจะเข้าร่วมแข่งวิ่งด้วย คำที่สอง contest คำนี้อ่านออกเสียงว่า คานเท๊สท์ โดยเน้นไปที่ตัวแรก คำนี้ไปเน้นที่ความสามารถที่ไม่ต้องใช้พละกำลังมากมาย รวมทั้งความสวยงามในด้านอื่นๆ เช่น a beauty contest ก็คือ การแข่งขันประกวดนางงามทั้งหลาย การเข้าแข่งขันก็ใช้คำว่า enter การที่จะบอกว่า ส่งใครเข้าประกวดนั้น เขาใช้คำว่า to enter+ คนที่จะส่งเข้าประกวด แล้วก็ตามด้วย in/for a beauty contest หมายถึงเราตัดสินใจจะส่งเพื่อนเรา เข้าร่วมการแข่งขัน อีกหนึ่งคำหนึ่งคำที่ขาดไม่ได้คือ tournament คำนี้ออกเสียงว่า ทัวร์เนนอะเมิ่น โดยเน้นไปที่พยางค์แรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น